* บทที่ 9
หน้า 372-379
ครูมวยไทยดั้งเดิมมีวิทยาการที่รับการสิบทอดมาจากวิทยาการในอารยธรรมโบราณ
ที่อยู่บนพื้นฐานของไสยศาสตร์และโหราศาสตร์
เมื่อเรียนรู้วิทยาการสาขาหนึ่งก็จะแตกและรู้ออกไปอึกในหลายๆวิทยาการ
ทั้งนี้ เนื่องจากวิทยาการในอารยธรรมโบราณดั้งเดิม
อยู่บนฐานทฤษฎีรากฐานเดียวกันหมด
รวมทั้งเป็นทฤษฎีรากฐานของปรากฏการณ์ธรรมชาติด้วย
ด้วยเหตุนี้วิทยาการที่เกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายของมนุษย์เอง
เมื่อถูกอธิบายออกมาจึงมืส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานธรรมชาติ
ดังที่ปรากฏเป็นเนื้อหาของวิชาโหราศาสตร์
และแม้แต่ในตำนานปรัมปราว่าด้วยกำเนิดของมนุษย์
ในประสบการณ์แห่งการค้นพบของพระพุทธศาสนาเอง
ที่กล่าวถึงมนุษย์วิวัฒนาการผ่าเหล่ามาจากกลุ่มธุลีธาตุแห่งแสงสว่างที่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมโหฬาร เรียกว่า
“อาภัสสระพรหม”
ดังนั้นเมื่อแตกฉานในเหตุการณ์รามเกียรติ์ซึ่งเป็นวรรณคดีว่าด้วยธรรมนูญ
และจารีตกำหนดคุณภาพของสังคมที่ตนอาศัยอยู่
เกร็ดวิทยาการต่างๆที่ซ่อนอยู่ในคติรามเกียรติ์
ย่อมต้องถูกขยายนัยและถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์การแพทย์และโหราศาสตร์การแพทย์
ตลอดทั้งวิทยาการว่าด้วยการสร้าง-การใช้อาวุธสงคราม
แต่เดิมนักปฏิบัติการโยคะโบราณฝ่ายพระเวท
ล้วนค้นพบปรากฏการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของจิตชั้นสูงสุด
แล้วไม่อาจอธิบายและสื่อความหมายออกมาได้
ทำนองเดียวกับที่นักวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐
ที่ได้เผชิญหน้ากับร่องรอยของอนุภาคเกิดใหม่
แล้วอนุภาคเกิดใหม่เหล่านั้นต่างพากันไปช่วยสร้างอนุภาคอื่นๆ
ที่ย้อนกลับมาสร้างตัวมันในห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟิสิคส์
แล้วไม่สามารถอธิบายพฤติกรรมเชิงจริยธรรมของอนุภาค
ที่เกิดจากการปลดปล่อยพลังงานมวลค่ามโหฬารของอนุภาคตัวเดิมนั้นได้
มหาฤๅษีผู้ทรงปัญญาใหญ่ ดังเช่น กาฬทวิลดาบส
จึงต้องเฝ้ารอคำอธิบายในปฏิบัติการโยคะชั้นสูงนี้
จากผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ถึงแม้ตัวเองจะต้องสิ้นอายุขัยไปก่อน
ก็ยังฝากลูกหลานให้ติดตามข่าวและเฝ้ารอ
เช่นเดียวกับที่ อาฬวกยักษ์ และเอรกปัตตนาคราช
ล้วนต่างเฝ้ารอคำอธิบายดังกล่าวผ่านช่วงอายุขัยของมนุษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า
ทฤษฎีสร้างอำนาจไสยศาสตร์ในอารยธรรมโบราณนี้
ล้วนเกิดขึ้นจากพฤติกรรมเชิงจริยธรรมและสัจจะ
เหมือนค่าย้อนกลับของอนุภาคที่ปลดปล่อยพลังงานนิวเคลียร์
ก่อนแตกตัวเป็นอนุภาคใหม่
ฉันใดฉันนั้น
การที่จะเข้าถึงพิกัดที่เป็นตำแหน่งปลดปล่อยพลังงานค่ามโหฬาร
ที่มาของปาฏิหาริย์ทั้งในตำนานปรัมปราและประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย
ในยุคสถาปนาราชอาณาจักรระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๖-๑๘ ได้
มีวิทยาการสายหนึ่งที่ยังคัดลอกสืบทอดกันมาจนปัจจุบัน
แต่โดยเนื้อหาแล้วยังเป็นเหมือนตำนานปรัมปรา
เป็นร่องรอยเดียวที่หลงเหลืออยู่
เป็นตำราโบราณประจำของชนชาติไทยเพียงชาติเดียว
ที่หลงเหลืออยู่อย่างสมบูรณ์ที่สุด
นั้นคือ คัมภีร์นวดแผนโบราณ
ที่วันนี้ถูกดัดแปลงไปเป็นตำรานวดแผนไทย
และได้มีการตัดเนื้อหาลี้ลับในส่วนนี้ทิ้งเสียสิ้น
เป็นพฤติกรรมไม่แตกต่างจากศาสนิกชนที่ปฏิเสธ
และเที่ยวทำลายความศักดิ์สิทธิในพระศาสนาแห่งตน
เพียงเพราะความเชื่อที่เลื่อนลอยต่อภาษานิยมของวิทยาศาสตร์
ในยุคล่าอาณานิคมที่ยังต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ทั้งที่ยุคล่าอาณานิคมได้สิ้นสุดไปแล้ว
นับแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ.๒๔๘๘